In อุปกรณ์ทางการเกษตร //
จำหน่ายปุ๋ยชีวภาพ (E.M.)
แสดงรายละเอียดขั้นตอนและวิธีในการนำไปประยุกต์ใช้จากผลิตภัณฑ์ปุ๋ยชีวภาพ E.M. มากมาย โดยทางร้านเป็นตัวแทนจำหน่ายพร้อมให้คำแนะนำเกี่ยวกับข้อมูลและการใช้งานปุ๋ยชีวภาพ
ปุ๋ยชีวภาพ
E.M. (อี.เอ็ม.) คืออะไร
E.M. ย่อมาจากคำว่า Effective Micro-organisms หมายถึง กลุ่มจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพคิดค้นพบโดย ศาสตราจารย์ ดร.เทรโอะ ฮิงะ (TEROU HIGA) แห่งมหาวิทยาลัยริวกิว เมืองโอกินาว่า ประเทศญี่ปุ่น โดยใช้เทคนิคทางชีวภาพ รวบรวมเฉพาะกลุ่มจุลินทรีย์ หมวดสร้างสรรค์ที่มีอยู่ในธรรมชาติมาใช้ประโยชน์ช่วยปรับปรุงสภาพความสมดุลของสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้น จุลินทรีย์หมวดสร้างสรรค์ที่มีใน EM ได้แก่ กลุ่มจุลินทรีย์แสง แลกโตบาซิรัส เพนนิซีเลี่ยม ไตรโคเดอมา ฟูเซเลียม สเตปโตไมซิส อโซเบคเตอ ไรโซเบียม ยีสต์รา รูปเส้นใย ฯลฯ
จุลินทรีย์ใน EM ส่วนใหญ่เป็นจุลินทรีย์ที่ไม่ต้องการอากาศ และมีพลัง “แอนติออกซิเดชั่น” ซึ่งเป็นพลังสร้างสรรค์ของชีวิต ป้องกันมิให้มีการทำลายชีวภาพที่สำคัญของเซลล์ได้ป้องกันฤทธิ์ของสารพิษได้หลายชนิด รักษาสภาพธรรมชาติของเซลล์ ได้มิให้เสื่อมสภาพรักษาสุขภาพของคนและสัตว์ มิให้เป็นโรคหรือเจ็บป่วยได้ง่าย
ลักษณะโดยทั่วไปของ EM
เป็นของเหลวสีน้ำตาลกลิ่นหอมอมเปรี้ยวอมหวาน (เกิดจากการทำงานของกลุ่มจุลินทรีย์ต่าง ๆ ใน E.M.) เป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่มีชีวิตไม่สามารถใช้ร่วมกับสารเคมีหรือยาปฏิชีวนะและยาฆ่าเชื้อต่าง ๆ ได้ ไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต เช่น คน สัตว์ พืช และแมลงที่เป็นประโยชน์ช่วยปรับสภาพความสมดุลของสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม เป็นกลุ่มจุลินทรีย์ ที่ทุกคนสามารถนำไปเพาะขยายเพื่อช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้ด้วยตนเอง
ลักษณะการผลิต
เพาะขยายจากจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์มากกว่า 80 ชนิด จากกลุ่มจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง
– กลุ่มจุลินทรีย์ผลิตกรดแลคติค
– กลุ่มจุลินทรีย์ตรึงไนโตรเจน
– กลุ่มจุลินทรีย์เอคทีโนมัยซีทส์
– กลุ่มจุลินทรีย์ยีสต์
ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่ได้จากธรรมชาตินำมาเพาะเลี้ยงและขยายให้จุลินทรีย์ขยายตัวด้วยปริมาณที่สมดุลกันด้วยเทคโนโลยีพิเศษ โดยใช้อาหารจากธรรมชาติ เช่น โปรตีน รำข้าว และสารประกอบอื่น ๆ ที่ไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต
ประโยชน์ของจุลินทรีย์โดยทั่วไป
– ช่วยปรับสภาพความเป็นกรด-ด่างในดินและน้ำ
– ช่วยแก้ปัญหาจากแมลงศัตรูพืชและโรคระบาดต่างๆ
– ช่วยปรับสภาพดินให้ร่วนซุย อุ้มน้ำและอากาศผ่านได้ดี
– ช่วยย่อยสลายอินทรีย์วัตถุ เพื่อให้เป็นปุ่ญ (อาหาร) แก่อาหารพืชดูดซึมไปเป็นอาหารได้ดี ไม่ต้องใช้พลังงานมากเหมือนการให้ปุ๋ยวิทยาศาสตร์
– ช่วยสร้างฮอร์โมนพืช พืชให้ผลผลิตสูงและคุณภาพดีขึ้น
– ช่วยให้ผลผลิตคงทน สามารถเก็บรักษาไว้ได้นาน มีประโยชน์ต่อการขนส่งไกล ๆ เช่น ส่งออกต่างประเทศ
– ช่วยกำจัดกลิ่นเหม็นจากฟาร์มปศุสัตว์ ไก่และสุกร ได้ภายในเวลา 24 ชม.
– ช่วยกำจัดน้ำเสียจากฟาร์มได้ภายใน 1 – 2 สัปดาห์
– ช่วยกำจัดแมลงวัน โดยการตัดวงจรชีวิตของหนอนแมลงวันไม่ให้เข้าดักแด้เกิดเป็นตัวแมลงวัน
– ช่วยป้องกันอหิวาห์และโรคระบาดต่าง ๆ ในสัตว์แทนยาปฏิชีวนะและอื่น ๆ ได้
– ช่วยเสริมสุขภาพสัตว์เลี้ยง ทำให้สัตว์แข็งแรงมีความต้านทานโรคสูง ให้ผลผลิตสูงอัตราการตายต่ำ
– ช่วยควบคุมคุณภาพในบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำได้
– ช่วยแก้ปัญหาโรคพยาธิในน้ำเป็นอันตรายต่อกุ้ง ปลา กบ หรือสัตว์น้ำที่เลี้ยงได้
– ช่วยรักษาโรคแผลต่าง ๆ ในปลา กบ จระเข้ ฯลฯ ได้
– ช่วยลดปริมาณขี้เลนในบ่อ และทำให้เลนไม่เน่าเหม็น สามารถนำไปผสมปุ๋ยหมักใช้พืชต่างๆ ได้อย่างดี
– ช่วยปรับสภาพเศษอาหารจากครัวเรือน ให้กลายเป็นปุ๋ยที่มีประโยชน์ต่อพืชผักได้
– ช่วยปรับสภาพน้ำเสียจากอาคารบ้านเรือน โรงงาน โรงแรมหรือแหล่งน้ำเสีย
– ช่วยดับกลิ่นเหม็นจากกองขยะที่หมักหมมมานานได้
การเก็บรักษาจุลินทรีย์
สามารถเก็บรักษาไว้ได้นาน อย่างน้อย 6 เดือน ในอุณหภูมิห้องปกติ ไม่เกิน 46 – 50 C ต้องปิดฝาให้สนิท อย่าให้อากาศเข้าและอย่าเก็บไว้ในตู้เย็นทุกครั้งที่แบ่งไปใช้ต้องรีบปิดฝาให้สนิท การนำ E.M. ไปขยายต่อควรใช้ภาชนะที่สะอาดและใช้ให้หมดภายในเวลาที่เหมาะสม
ข้อสังเกต
หากนำไปส่องด้วยกล้องจุลทัศน์ที่มีกำลังขยายสูงไม่ต่ำกว่า 700 เท่า จะเห็น จุลินทรีย์ชนิดต่าง ๆ อยู่มากมาย E.M. ปกติจะมีกลิ่นหอมอมเปรี้ยวอมหวาน ถ้าเสียแล้วจะมีกลิ่นเน่าเหมือน กลิ่นจากท่อน้ำทิ้งเก่า ๆ (E.M. ที่เสียใช้ผสมน้ำรดกำจัดวัชพืชได้) กรณีที่เก็บไว้นาน ๆ โดยไม่มีเคลื่อนไหวภาชนะ จะมีฝ้าขาว ๆ เหนือผิวน้ำ E.M.นั่นคือการทำงานของ E.M. ที่ผักตัวเมื่อเขย่าแล้วทิ้งไว้ชั่วขณะ ฝ้าสีขาวจะสลายตัวกลับไปใน E.M. เหมือนเดิม
การประยุกต์ใช้จุลินทรีย์ การงานต่าง ๆ ดังนี้
งานด้านเกษตร
E.M.ผสมน้ำ 1 : 1,000 – 2,000 ฉีดพ่นรดราดต้นไม้ สัปดาห์ละ 1 – 2 ครั้ง
การขยายจุลินทรีย์
เมื่อต้องการใช้จุลินทรีย์ในงานเกษตรที่มีเนื้อที่มาก ๆ ควรใช้จุลินทรีย์ที่ได้ขยายปริมาณให้มากขึ้น เพื่อเป็นการประหยัดต้นทุนโดยให้อาหารแก่จุลินทรีย์ ได้แก่ กากน้ำตาล น้ำอ้อย น้ำตาลทรายแดง นมแดง นมข้นหวาน หรือน้ำซาวข้าว เป็นต้น การขยายจุลินทรีย์ให้กับพืช
วัสดุ
จุลินทรีย์ กากน้ำตาล อย่างละ 1 ลิตร/น้ำ 1,000 ลิตร
วิธีทำ
– ผสมกากน้ำตาลกับน้ำที่สะอาด คนให้ทั่วจนกากน้ำตาลละลายหมด
– น้ำ E.M. ผสมในน้ำคนจนเข้ากันทั่ว ปิดฝาให้สนิททิ้งไว้ 1 – 3 วัน ภาชนะที่ใช้ต้องสะอาดจะใช้ถังพลาสติกหรือตุ่ม
วิธีใช้
เมื่อหมักไว้ตามกำหนดที่ต้องการแล้ว นำ E.M. ที่ขยายไปผสมกับน้ำละลายอีกในอัตรา EM1/น้ำ 2,000 ลิตร ฉีดพ่นรดต้นไม้พืชผัก ไม้ผล ไม้ดอกไม้ประดับทุกชนิด ทุกวันหรือวันเว้นวันหรือสัปดาห์ละ 2 – 3 ครั้ง ใช้หญ้าแห้วหรือใบไม้แห้งหรือฟางคลุมดินบริเวณโคนต้นไม้ เพื่อรักษาความชื้นและ EM ย่อยสลายเป็นอาหารของพืช และเพื่อปรับสภาพของดินให้ดีขึ้นด้วย
ข้อสังเกต
1. เมื่อนำไปขยายเชื้อในน้ำ และกากน้ำตาลจะมีกลิ่นหอมและเป็นฟองขาว ๆ ภายใน 2 – 3 วัน ถ้าไม่มีฟองดังกล่าวแสดงว่าการหมักขยายเชื้อยังไม่ได้ผล
2. EM ที่นำไปขยายเชื้อแล้วควรใช้ให้หมดภายใน 3 วัน หลังจากหมักได้ที่แล้ว ทั้งนี้เพื่อป้องกันการเสื่อมคุณภาพที่อาจเกิดจากความไม่สะอาดของน้ำ ภาชนะ และสิ่งแปลกปลอมจากอากาศเฉพาะเชื้อ EM ส่วนใหญ่ไม่ต้องการอากาศ
การใช้จุลินทรีย์กับงานปศุสัตว์
การขยาย EM กากน้ำตาลอย่างละ 1 ลิตร/น้ำ 100 ลิตร
วิธีทำ
เหมือนกับของขยายที่ใช้งานพืช
วิธีใช้
นำ EM ที่ขยายแล้วไปผสมกับน้ำอีกในอัตรา 1/5,000 – 10,000 ใช้ล้างคอกและบำบัดน้ำเสียในฟาร์มหรือให้สัตว์กิน หรือจะใช้ EM ที่ขยายแล้ว โดยไม่ต้องผสมน้ำไปฉีด เพื่อบำบัดน้ำเสีย บำบัดกลิ่นเหม็นในฟาร์มและจุดที่มีกลิ่นเหม็นในที่ต่าง ๆ อัตราความเข้มข้นของ EM ขยายที่ไปใช้ จะมากน้อยตามความต้องการของลักษณะการใช้ในแต่ละพื้นที่เป็นสำคัญ
การใช้ E.M. 5 ร่วมกับสมุนไพร
การใช้เชื้อหมักขับไล่แมลงร่วมกับพืชสมุนไพรต่าง ๆ เช่นสะเดา ข่า ตะไคร้หอม ยาสูบ ดีปลี พริกขี้หนู ฯลฯ จะทำให้มีประสิทธิภาพในการขับไล่แมลงศัตรูพืช ได้ผลอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
วิธีทำ
นำพืชสมุนไพร มาผึ่งลมหรืออบให้แห้ง แล้วนำมาสับหรือใช้เครื่องบด ให้ละเอียด ใช้ผงสมุนไพร 2 – 5 ช้อนแกง ใส่ในน้ำสะอาด 20 ลิตร แช่ทิ้งไว้ 1 คืน ใช้ผ้าหรือตะแกรงอย่างละเอียด กรองผงสมุนไพรออกเหลือแต่น้ำสมุนไพรส่วนกากาหรือตะกอนสมุนไพร นำไปผสมน้ำใส่บัวรดแปลงพืชผัก หรือบริเวณทรงพุ่มต้นพืชได้
วิธีใช้
นำน้ำสมุนไพร 2 – 5 ช้อนแกงแล้วฉีดพ่นพืชผักและต้นไม้ผลได้
หมายเหตุ
สำหรับพืชที่กำลังแตกใบอ่อน ควรใช้อัตราส่วนผสม E.M. 5 เจือจาง ว่านหางจระเข้เป็นพืชสมุนไพรที่ใช้แทนสารจับใบได้เป็นอย่างดี โดยปลอกเปลือกเอาแต่ส่วนที่เป็นวุ้นทำการบดหรือปั่น แล้วนำผสมกับ E.M.5 และน้ำ อัตราส่วน 1 : 1 : 50 หรือ 1 : 2 : 50 เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการขับไล่แมลงได้เต็มที่ ควรใช้ E.M.5 และ สมุนไพรที่ผสมน้ำแล้วให้หมดภายใน 12 ชม.
การใช้ E.M.5 กับงานเลี้ยงสัตว์
นำไปใช้ป้องกันหรือกำจัดไร เห็บ หมัด หรือแมลงที่มารบกวนสัตว์เลี้ยง ดังนี้ฉีดพ่นบริเวณคอกสัตว์ (โรงเรือนโค คอกหมู เล้าไก่) ให้ทั่วสัปดาห์ละ 1 – 2 ครั้ง หลังอาบน้ำให้สัตว์เลี้ยง (วัว ควาย สุนัข) ทุกครั้ง ควรใช้ E.M.5 ผสมน้ำ ลูบตัวสัตว์เลี้ยงให้ทั่ว
การทำปุ๋ยหมักดิน
วัสดุและส่วนประกอบ
1. ดินแห้งทุบละเอียดแล้ว 5 ส่วน
2. รำละเอียด 2 ส่วน
3. แกลบเผา 2 ส่วน
4. มูลสัตว์ (ชนิดใดก็ได้) 2 ส่วน
5. อื่น ๆ
6. E.M.กากน้ำตาล อย่างละ 10 – 20 ซี.ซี
7. น้ำ 10 ลิตร
วิธีทำ
1.ผสมดิน แกลบ มูลสัตว์และอื่น ๆ คลุกจนเข้ากัน
2.นำรำละเอียดลงผสมคลุกเคล้าลงไป
3.ผสม E.M.กากน้ำตาล และน้ำ รดบนกองปุ๋ยหมัก ดินให้ได้ตามความชื้นพอดี 50%
4.นำส่วนผสมทั้งหมดกองบนพื้นซีเมนต์ หรือพื้นธรรมดาทั่วไป หนาประมาณ 10 ซ.ม. คลุมทับด้วยกระสอบป่าน
5.ถ้าคอยกลับบ้างจะใช้เวลาหมัก 3 – 4 วัน
ข้อสังเกต
หลังจากหมักไว้ 1 คืน จะมีราขาว ๆ เกิดขึ้นเป็นเชื้อราที่ประโยชน์ เกิดจาก สปอร์ของจุลินทรีย์ ปุ๋ยหมักดิน ที่ใช้ได้จะไม่ร้อนไม่มีกลิ่นเหม็น แต่จะมีราขาวขึ้นเต็ม
วิธีใช้
ใช้รองก้นหลุมเพื่อปลูกพืชผัก หรือผลไม้ ไม้ยืนต้น ไม้ดอกไม้ประดับทุกชนิด ใช้ได้ผลดีสำหรับดินที่ใช้เพาะต้นกล้าและเพาะชำกล้าไม้ จะได้กล้าไม้ที่แข็งแรงสมบูรณ์ โดยมีส่วนผสมสำหรับเพาะกล้า ดังนี้
– ปุ๋ยหมักดิน 1 ส่วน
– ดินร่วนธรรมดา 1 ส่วน
– แกลบเผา 1 ส่วน
– ขุยมะพร้าว 1 ส่วน
นำส่วนผสมทั้งหมดคลุกเคล้าจนเข้ากันดีก่อนนำไปใช้
การทำปุ๋ยคอกหมัก
ปุ๋ยคอก ได้แก่ มูลสัตว์ เช่น วัว ควาย หมู ไก่ ฯลฯ ถ้านำไปใช้โดยตรงจะเกิดโรค และแมลงต่อพืชก่อนนำไปใช้ควรนำไปหมักด้วยจุลินทรีย์ปุ๋ยชีวภาพ อี.เอ็ม. ก่อน
วัสดุและส่วนผสม
1.ปุ๋ยคอก 1 ส่วน
2.แกลบเผา 1 ส่วน
3.รำละเอียด 1 ส่วน
4.อื่น ๆ
5.จุลินทรีย์ กากน้ำตาล อย่างละ 10 – 20 ซีซี
6.น้ำ 10 ลิตร
วิธีทำ
1.ผสมปุ๋ยคอก แกลบเผา รำละเอียด อื่น ๆ เข้าด้วยกัน
2.รดน้ำจุลินทรีย์ คลุกเคล้าให้เข้ากันดีจนได้ความชื้นพอเหมาะไม่เกิน 50%
3.นำไปกองเกลี่ยบนพื้นซีเมนต์ หนาไม่เกิน 15 ซ.ม.
4.ปุ๋ยคอกหมักที่มีคุณภาพดี จะไม่มีกลิ่นเหม็น ไม่มีก๊าซแอมโมเนีย ไม่ร้อน แต่จะมีราขาว ๆ ขึ้นจำนวนมาก
วิธีใช้
ใช้ได้ดีกับพืชผักทุกชนิด เช่นเดียวกับปุ๋ยคอกทั่วไป
การทำปุ๋ยหมักจุลินทรีย์ จากเศษอาหาร
ทุกครัวเรือน ร้านอาหาร ภัตตาคาร ฯลฯ ล้วนมีเศษอาหารที่เป็นผักผลไม้ และเศษอาหารอื่น ๆ จำนวนมากน้อยแล้วแต่สถานที่สามารถนำไปหมักเป็นปุ๋ยหมักชั้นเลิศ เพื่อใส่พืชผักและผลไม้ที่ปลูกไว้ได้
อุปกรณ์
– ถ้าพลาสติกมีฝาปิดขนาด 20 – 200 ลิตร แล้วแต่ปริมาณเศษอาหารที่จะได้หรือต้องการ เจาะรูติดก๊อกน้ำบริเวณก้นถังเพื่อไว้ระบายน้ำปุ๋ยหมัก ใช้ก๊อกให้มีขนาดโตพอสมควร เพื่อป้องกันการอุดตัน
– ถุงขยะพลาสติกสีดำ เจาะรูเล็ก ๆ 2 – 3 รู เพื่อให้น้ำปุ๋ยหมักผ่านทะลุได้ หรือจะใช้ตาข่ายไนล่อนตาถี่เย็บเป็นถุงก็ได้ หรือจะใช้กระสอบปุ๋ยน้ำซึมผ่านได้ก็ใช้ได้
– นำเอาถุงใส่ปุ๋ยที่เตรียมไว้ ใส่ลงในถังหมักปุ๋ยที่มีวัสดุรองก้นถัง ให้สูงจากระดับก๊อกน้ำเล็กน้อย
– ใช้กากน้ำตาล 20 – 40 ซีซี ใส่คลุกกับเศษอาหาร 1 ก.ก. และใส่จุลินทรีย์ 10 – 20 ซีซี คลุกอีกครั้ง ใส่ลงในถุงใส่ปุ๋ยทุกวันจนเต็มถุง
– ปิดฝาถังหมักไว้ตลอดเวลา หมักไว้อย่างน้อย 7 วัน ก็จะมีน้ำปุ๋ยหมักซึมออกมา อยู่ที่ก้นถังหมัก
– ไขก๊อกเอาน้ำปุ๋ยหมักที่ได้ไปผสมน้ำในอัตรา 1 : 500 – 1,000 รดพืชและต้นไม้ทุก ๆ วัน
– ผสมน้ำปุ๋ยหมักกับอัตราส่วน 1 : 20 – 50 หรือไม่ผสมก็ได้ราดพื้นห้องส้วมชักโครกหรือจุดที่มีกลิ่นเหม็นบริเวณบ้านหรือราดในท่อน้ำทิ้งเพื่อดับกลิ่นก็ได้ผลดี
– กากอาหารที่เหลือก็สามารถไปคลุมกับดินเป็นปุ๋ยต้นไม้ได้ดี
ข้อสังเกต
ถ้าหมักได้ที่จะไม่มีแมลงวันหรือมีกลิ่นเหม็น แต่กลิ่นจะหอมอมเปรี้ยว ถ้ามีกลิ่นเหม็นและมีกลิ่นก๊าซแอมโมเนีย แสดงว่าหมักไม่ได้ผล ระหว่างหมักอาจจะมีหนอนแมลงวันเกิด แต่มันไม่กลายเป็นแมลงวัน จะเป็นหนอนตัวโตกว่าปกติ มีอายุอยู่นานได้หลาย ๆ วัน แล้วจะตายไปเอง
เชื้อหมัก อี.เอ็ม. 5 (สารขับไล่แมลง)
เป็นส่วนผสมของเหล้า น้ำส้มสายชู จุลินทรีย์ กากน้ำตาลและน้ำ ที่หมักไว้เพื่อใช้ป้องกันและขับไล่แมลงศัตรูพืชต่าง ๆ พร้อมทั้งช่วยกำจัดโรคพืชต่าง ๆ ด้วย
อัตราส่วน
จุลินทรีย์ กากน้ำตาล น้ำสัมสายชูกลั่น 5% เหล้าขาว อย่างละ 1 ลิตร น้ำ 8 ลิตร
วิธีทำ
1.เอากากน้ำตาลผสมกับน้ำจนละลายดีแล้ว ใส่เหล้าขาวและน้ำสัมสายชูชนิด 5%
2.เอาจุลินทรีย์ใส่คนจนเข้ากันดี
3. ปิดฝาให้สนิท หมักไว้ 15 วัน ภาชนะที่ใช้หมักนั้นควรใช้ถังพลาสติก
4. ในระหว่างการหมักให้เขย่าทุกวันเช้า-เย็น เพื่อไม่ให้เกิดการนอนก้น แล้วปิดฝาเพื่อระบายก๊าซออก วันละ 2 ครั้ง
5. เมื่อครบกำหนดก็นำไปใช้ได้ สามารถเก็บได้นานถึง 3 เดือน แต่ต้องเปิดฝาระบายก๊าซออกเป็นครั้งคราว
วิธีใช้
เชื้อหมักขับไล่แมลงผสมกับน้ำสะอาด ดังนี้
– EM 5 10 – 15 ซีซี (1 – 5 ช้อนโต๊ะ)
– กากน้ำตาล 10 – 15 ซีซี (1 – 5 ช้อนโต๊ะ) เพื่อเป็นการจับใบ
– น้ำสะอาด 8 ลิตร
นำส่วนผสมไปฉีดพ่นต้นไม้ทุกวันหรืออาทิตย์ละ 1 – 2 ครั้ง ตามความต้องการ ทำการฉีดพ่นให้ชุ่มและทั่วถึงทั้งนอกและใบทรงพุ่มหรือจะใช้เชื้อขับไล่แมลงผสมกับน้ำฉีดเลยก็ได้ โดยไม่ต้องเติดกากน้ำตาลอีก
เชื้อหมักขับไล่แมลง สูตรเข้มข้น
วัสดุและส่วนผสม
1. จุลินทรีย์ กากน้ำตาล น้ำส้มสายชูกลั่น อย่างละ 1 ลิตร
2. เหล้าขาว 28 – 40 ดีกรี อย่างละ 2 ลิตร
วิธีทำ
ละลายกากน้ำตาลกับน้ำส้มสายชูก่อน จึงค่อยเติมเหล้าขาวลงไปคนจนเข้ากัน แล้วเติม EM ให้เข้ากันปิดฝาให้สนิทหมักไว้ 24 ชม.
วิธีใช้
ใช้ฉีดพ่นปราบหนอน แมลงศัตรูพืชที่ปราบได้ยาก เช่น หนอนหลอดหอม หนอนชอนใบ ฯลฯ ในปริมาณ 200 –300 ซีซี/น้ำ 200 ลิตร หรือมากน้อยกว่านี้ตามความเหมาะสม
การทำปุ๋ยหมักฟาง
วัสดุและส่วนผสม
1. ฟางแห้งตัดเป็นท่อนสั้นประมาณ 2 เซนติเมตร 1 ส่วน
2. แกลบดิบ 1 ส่วน
3. รำละเอียด 1 ส่วน
4. กากน้ำตาล 10 – 20 ซีซี (1 – 2 ช้อนโต๊ะ)
5. ปุ๋ยชีวภาพ อี.เอ็ม. 10 – 20 ซีซี
6. น้ำสะอาด 10 ลิตร
วิธีทำ
1. คลุกฟางและแกลบให้เข้ากันแล้วแบ่งออกเป็ฯ 3 กองเท่า ๆ กัน ผสมกองที่ 1 และ 2 เข้าเป็นกองเดียวกัน
2. ผสม E.M.และกากน้ำตาลกับน้ำ 1 ลิตร ที่เตรียมไว้ใส่ในบัวรดน้ำ
3. นำน้ำผสม E.M. รดลงบนกองฟาง กับแกลบกองใหญ่ให้ชุ่มแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากันดี
4. ผสมผางและแกลบกองเล็กที่เหลือเข้าด้วยกันกับกองใหญ่คลุกเคล้าจนเข้ากันดี
5. เอารำละเอียดลงไปผสมคลุกเคล้าให้เข้ากันจนได้ความชื้นพอดี (50%) โดยการทดลองทำแล้วบีบดู ถ้าน้ำไม่ไหลออกมาตามง่ามมือ เมื่อแบมือยังจับกันเป็นก้อนแสดงว่าใช้ได้
6. ถ้าความชื้นสูงเกินไป คือ เมื่อกำแล้วจะมีน้ำซึมออกมาตามง่ามนิ้วมือให้เติมวัสดุคือ ฟาง แกลบ และรำ ในอัตราส่วนเท่ากันผสมลงไปคลุกให้เข้ากันจนความชื้นพอดี
7. เกลี่ยฟางรองพื้นให้เป็นแนวราบและหนาพอสมควร จากนั้นปูด้วยกระสอบป่านบนฟาง
8. ตักปุ๋ยหมักลงเกลี่ยบนกระสอบป่านอย่าให้สูงเกิน 1 ฟุต แล้วคลุมให้มิดด้วยกระสอบป่านหมักไว้ 5 ชั่วโมง เพื่อให้ อี.เอ็ม ทำงาน
9. เมื่อครบ 5 ชั่วโมง ให้เริ่มตรวจวัดความร้อนทุก ๆ ชั่วโมง ด้วยการใช้ปรอทเสียบลงในกองปุ๋ยหมัก ทิ้งไว้คอยควบคุม ถ้าอุณหภูมิ สูงเกิน 45 C หรือร้อนเกิน 45 C ต้องรีบกลับกองปุ๋ยทันที ถ้าความร้อนไม่เกินไม่ต้องกลับ ทิ้งไว้ 2 – 3 วัน ความร้อนจะลดลงเป็นปกติ ประมาณ 37 C
10. เปิดกระสอบที่ปิดไว้ออก ทิ้งให้โบกาฉิแห้งดีแล้ว จึงนำไปบรรจุกระสอบเก็บไว้ อย่าให้โดยความชื้นจนกว่าจะนำไปใช้
วิธีใช้
ใช้ผสมเตรียมดินสำหรับปลูกพืชทุกชนิด โดยการโรยปุ๋ยโบกาฉิฟาง ประมาณ 2 กำมือ ต่อพื้นที่ 1 ตารางเมตร เอาหญ้าบางหรือฟางแห้ง คลุมทับอีกชั้นหนึ่ง แล้วรดด้วยน้ำผสมปุ๋ยชีวภาพ อี.เอ็ม. 10 –20 ซีซี/น้ำ 10 ลิตร ทิ้งไว้ 7 วัน จึงค่อยปลูกผักหรือพืชต่าง ๆได้ในกรณีที่ใช้กับแปลงผักที่ปลูกแล้ว ใช้ปุ๋ยหมักฟางโรยรอบ ๆ ทรงพุ่ม (ระวังอย่าให้โดยใบและโคนต้นผัก) คลุมทับด้วยฟางหรือหญ้าแล้วรดด้วยน้ำปุ๋ยชีวภาพ อี.เอ็ม. อีกครั้ง ใช้เดือนละ 1 – 2 ครั้งก็พอ สำหรับไม้ผล และพืชยืนต้นอายุประมาณ 2 ปี ให้ใช้หมักฟางโรยรอบทรงพุ่มต้นละ 2 กิโลกรัม/ต่อปี จะใส่ครั้งเดียวหรือแบ่งใส่ก็ได้ จากนั้นใส่ปีละ 1 กิโลกรัม
ข้อสังเกต
ถ้าผสมหมักปุ๋ยให้ได้ความชื้นพอดี หมักไว้ประมาณ 3 วัน ตามความร้อนของกองปุ๋ยจะเย็นเป็นปกติ แต่ถ้าความชื้นสูงเกินไปจะเกิดความร้อนสูง ต้องใช้มากกว่า 3 วัน จึงจะเย็นเป็นปกติ ปุ๋ยหมักที่หมักได้ผลดี จะมีกลิ่นหอมเหมือนเห็ด และจะมีราขาว ๆ ปะปนแต่ถ้ามีกลิ่นเหม็นเน่า หรือมีกลิ่นก๊าซแอมโมเนีย แสดงว่าปุ๋ยหมักใช้ไม่ได้ ปุ๋ยหมักที่หมักแล้วใหม่ ๆ จะมีคุณภาพและใช้ได้ผลดีมากกว่าปุ๋ยหมักที่ทำแล้วเก็บไว้นาน ๆ หากใช้แล้วเหลือควรเก็บไว้ในร่ม อย่าให้โดนความชื้นจนกว่าจะนำไปใช้ (ควรเก็บไว้ไม่เกิน 6 เดือน
การทำปุ๋ยหมัก สูตร 24 ชั่วโมง
วัสดุและส่วนผสม
1. หญ้าฟางแห้งตัดท่อน (5 – 10 เซนติเมตร) 10 ส่วน
2. ปุ๋ยหมักฟางหรือมูลสัตว์ 1 ส่วน
3. รำละเอียด 0.5 – 1 ส่วน
4. E.M.และกากน้ำตาลอย่างละ 10 – 20 ส่วน/น้ำ 10 ลิตร
วิธีทำ
1.ผสมปุ๋ยชีวภาพ อี.เอ็ม. กากน้ำตาล และน้ำใส่ในกาละมังไว้
2.นำหญ้าหรือฟางแห้งที่ตัดไว้เป็นท่อน ๆ ลงจุ่มในน้ำผสม E.M. จนชุ่มแล้วยกขึ้นกองรอไว้
3.ผสมรำละเอียดกับปุ๋ยหมักฟางหรือมูลสัตว์ ให้เข้ากันดีแล้วนำไปคลุกกับหญ้าหรือฟางเปียกที่กองรองไว้จนเข้ากันทั่วดี
4.นำไปกองบนพื้นซีเมนต์ หรือบนผ้าพลาสติกเป็นกองกลมหรือสี่เหลี่ยมก็ได้ อย่าให้หนาเกินไป (1 ฟุต) แล้วคลุมทับด้วย
กระสอบป่านให้มิด หมักไว้ 18 เซนติเมตร คุ้ยกลับ 1 ครั้ง แล้วคลุมด้วยกระสอบหมักต่ออีก 6 ชั่วโมง เมื่อครบ 24 ชั่วโมง เปิดกระสอบออกเกลี่ยปุ๋ยหมักบาง ๆ ผึ่งไว้จนแห้งจึงนำไปใช้
วิธีใช้
ใช้รองก้นหลุมเพื่อปลูกผัก ไม้ผล ไม้ยืนต้น ไม้ดอก และไม้ประดับทุกชนิด
ใช้ผสมดินเตรียมแปลงปลูกผัก ผสมหญ้าแห้งหรือฟางแห้งคลุมแปลงผักคลุมโคนต้นไม้ ไม้ผลทุกชนิด
ใช้เป็นหัวเชื้อขยายทำเป็นปุ๋ยหมัก 24 ชั่วโมง ต่อได้อีกและปุ๋ยใหม่ที่ได้สามารถนำไปทำต่อไปได้อีกเรื่อย ๆ ดังนี้
– ปุ๋ยหมัก 24 ชั่วโมง 1 ส่วน
– หญ้าหรือฟางแห้ง 10 ส่วน
– รำละเอียด 0.5 ส่วน
– E.M.กากน้ำตาล 10 –20 ซีซี
– น้ำ 10 ลิตร
การทำฮอร์โมนพืชด้วยปุ๋ยชีวภาพ อี.เอ็ม.
วิธีทำและนำไปใช้ก็เช่นเดียวกับปุ๋ยหมัก 24 ชั่วโมงครั้งแรก
วัสดุ
1.กล้วยน้ำว้า, ฟักทองแก่จัด, มะละกอสุก, อื่น ๆ อย่างน้อย 2 กิโลกรัม
2.E.M. 20 ซีซี
3.กากน้ำตาล 40 – 50 ซีซี
4.น้ำ 10 ลิตร
วิธีทำ
สับวัสดุทั้งหมดเปลือกและเมล็ดเข้าด้วยกันจนละเอียดผสมด้วยปุ๋ยชีวภาพ อี.เอ็ม. และกากน้ำตาล น้ำ คลุกให้เข้ากันดี บรรจุลงในถุงปุ๋ยหมักไว้ในถังพลาสติกปิดฝาไว้ 18 วัน
วิธีใช้
นำส่วนที่เป็นน้ำฮอร์โมน 20 – 30 ซีซี ผสมกับน้ำสะอาด 5 ลิตร แล้วนำไปใช้ดังนี้
– ใช้ฉีดพ่นต้นไม้ผล ในช่วงระยะก่อนแทงช่อดอก จะทำให้ต้นไม้แทงช่อดอกเพิ่มมากขึ้น
– ใช้ฉีดพ่นหรือรดต้นไม้ผล ช่วงติดดอกจะทำให้ติดผลดี
– ใช้แทนน้ำยาฮอร์โมนเร่งราก เพื่อทำให้รากพืชงอกได้เร็วขึ้นโดยใช้ในเรื่อง
การชำกิ่ง โดยนำกิ่งพันธุ์ไม้ที่ต้องการขยายพันธุ์แช่ในน้ำฮอร์โมนที่ผสมน้ำในอัตราส่วน 1 : 100 – 200 ลิตร แช่ไว้นานประมาณ 30 นาที แล้วนำไปเพาะชำในเรือนเพาะชำ การตอนกิ่ง โดยนำส่วนที่เป็นไขเหลืองทาบบริเวณที่ปอกเปลือกกิ่งพันธุ์เพียงเล็กน้อย (แล้วดำเนินการต่อตามขั้นตอนในการตอนกิ่ง)
ปุ๋ยหมักมูลสัตว์
วัสดุและส่วนผสม
1. มูลสัตว์ (ทุกชนิด) 1 ส่วน
2. แกลบดิบแห้ง 1 ส่วน
3. รำละเอียด 1 ส่วน
4. E.M.และกากน้ำตาล 10 – 20 ซีซี
5. น้ำ 10 ลิตร
6. อื่น ๆ
วิธีทำ
1.ผสม EM กากน้ำตาลกับน้ำที่เตรียมไว้
2.นำแกลบลงแช่น้ำผสม EM แล้วเอาขึ้นผสมกับมูลสัตว์
3.นำรำละเอียดคลุกเคล้าความชื้นไม่เกิน 50%
4.นำไปกองในพื้นที่ที่เตรียมไว้
5.เมื่อครบ 5 ชม. เริ่มตรวจสอบความร้อนทุก ๆ ชม. ควบคุมอย่าให้เกิน 50 C ใช้หมัก 3 – 4 วัน เมื่อปุ๋ยหมักมูลสัตว์ ได้ผลดี จะมีกลิ่นหอมเหมือนเห็ดนำไปใช้ได้ หรือบรรจุกระสอบเก็บไว้ในที่ไม่โดนความชื้น
วิธีใช้
ใช้ผสมเตรียมดินสำหรับปลูกพืชทุกชนิด โดยการโรย 2 กำมือ (200 กรัม) ต่อพื้นที่ 1 ตารางเมตร เอาหญ้าหรือฟางแห้งคลุมทับอีกชั้นหนึ่ง แล้วรดด้วยน้ำผสม EM อัตราส่วน 10 – 20 ซีซี ต่อน้ำ 10 ลิตร ทิ้งไว้ 7 วัน จึงค่อยปลูก ในกรณีที่ใช้กับแปลงผักที่ปลูกแล้วให้โรยรอบ ๆ ทรงพุ่ม คลุมทับด้วยฟางหรือหญ้าแห้งแล้วรดด้วยน้ำผสม EM สำหรับไม้ผลและพืชยืนต้นอายุประมาณ 2 ปี ให้โรยรอบทรงพุ่มต้นละประมาณ 2 – 3 กก./ปี จะใส่ครั้งเดียวหรือแบ่งใส่ก็ได้ จากนั้น ใส่ปีละ 1 กก.
หลักการในการเพิ่มอินทรีย์วัตถุให้แก่ดิน
ในการเพิ่มอินทรีย์วัตถุให้แก่ดินนั้น เราสามารถเพิ่มให้ได้หลายอย่าง ข้อสำคัญคือ อินทรีย์ วัตถุแต่ละอย่างมีอัตราส่วนองค์ประกอบของธาตุคาร์บอน และไนโตรเจน (C/N ratio) แตกต่างกัน C/N ratio นี้เป็นตัวควบคุมบทบาทของไนโตรเจน เช่น ฟางข้าว มี C/N ratio ประมาณ 90 นับว่ากว้างมากไม่ควรที่จะได้กลบลงดินไปในดิน ควรนำมาหมักให้เป็นปุ๋ยเสียก่อน เพื่อปรับระดับให้เหลือ 20 หรือต่ำกว่า มิฉะนั้นแล้ว C/N ratio กว้าง ๆ เมื่อใส่ลงในดินจะทำให้ดินขาดไนโตรเจน เนื่องจากการสลายตัวโดยกิจกรรมของจุลินทรีย์ คือ จุลินทรีย์ จะเพิ่มขยายตัวมันเองอย่างรวดเร็วและดึงไนโตรเจนในรูปของไนเตรทไปจากดินไปใช้ในการเพิ่มกิจกรรมและจำนวนของจุลินทรีย์จึงเป็น การแย้งไนโตรเจนจากพืชทำให้ขาดไนโตรเจน โดยพืชจะแสดงอาการเหลืองซีด ขณะเดียวกันจุลินทรีย์ที่ใช้คาร์บอนเป็นพลังงานและปลดปล่อยให้หนีไปในอากาศ ในรูปก๊าซคาร์บอนไนออกไซด์ เมื่อคาร์บอนลดลงเรื่อย ๆ กิจกรรมของจุลินทรีย์จะลดลง ฉะนั้นเมื่อมีการใส่อินทรีย์ลงในดินขณะที่อินทรีย์วัตถุยังไม่สลายตัวเต็มที่แล้ว คือในระยะที่มี C/N ratio ยังกว้างนั้นดินจะขาดไนโตรเจนอยู่ระยะหนึ่งจนกว่าจะสิ้นการสลายตัว อัตราความเร็วของการสลายตัวขึ้นอยู่กับชนิดของอินทรีย์วัตถุดิบ อุณหภูมิ ความชื้นเพื่อช่วยในการสลายตัวเร็วขึ้น จึงควรเพิ่มไนโตรเจนลงในดินเพื่อปรับ C/N ratio ให้แคบลง
วิธีใช้
นำ E.M. ที่ขยายแล้วไปผสมกับน้ำอีกในอัตรา 1/น้ำ 5,000 – 10,000 ส่วนให้สัตว์กิน ล้างคอก และบำบัดน้ำเสียในฟาร์มหรือจะใช้ E.M. ที่ขยายแล้วโดยไม่ต้องผสมน้ำนำไปฉีด เพื่อบำบัดกลิ่นเหม็นในฟาร์มสัตว์ และจุดที่มีกลิ่นเหม็นในที่ต่าง ๆ อัตราความเข้มข้นของ E.M. ขยายที่นำไปใช้ จะมากน้อยตามความต้องการของลักษณะการใช้ใบ แต่ละพื้นที่เป็นสำคัญ
การใช้ปุ๋ยชีวภาพ อี.เอ็ม. กับการเลี้ยงไก่
ใช้ E.M. ที่ขยายแบ้วฉีดพ่นตามพื้นที่กำจัดกลิ่นแก๊สและกลิ่นเหม็นจากมูลไก่ ทุก ๆ 3 วัน หรือสัปดาห์ละ 2 ครั้ง มูลไก่ เหล่านี้นำไปใช้ทำปุ๋ยหมัก หรือนำไปใช้เป็นปุ๋ยใส่บริเวณทรงพุ่มต้นไม้และแปลงผักต่างๆ ผสมปุ๋ยชีวภาพ อี.เอ็ม. (หัวเชื้อ) กับน้ำกลั่น อัตราส่วน 1 : 1 ใช้แทนวัคซีนหรือหยอดตาหรือหยอดจมูกไก่ ตัวละ 1 – 3 หยด (ทำในช่วงระยะเวลาปกติของการใช้วัคซีนและตามขยาดอายุไก่) เพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันหรือป้องกันโรคไก่ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียได้
การใช้ปุ๋ยชีวภาพ อี.เอ็ม. กับการเลี้ยงสัตว์
ทำการขยาย อี.เอ็ม. ในอัตราส่วน อี.เอ็ม. 1 ลิตร กากน้ำตาล 1 ลิตร น้ำสะอาด 100 ลิตร แล้วปิดฝาให้สนิท หมักทิ้งไว้ 3 วัน (ตามที่กล่าวไว้) นำไปฉีด ล้างให้ทั่วคอกจะสามารถกำจัดกลิ่นมูลเก่าได้ภายใน 48 ชั่วโมง เมื่อสะอาดปลอดกลิ่นดีแล้ว ต่อไปใช้สัปดาห์ละ 1 – 3 ครั้งก็พอโดยน้ำล้างคอกที่มีปุ๋ยชีวภาพ อี.เอ็ม.ผสมอยู่ด้วยจะลงไปช่วยบำบัดน้ำเสียตามท่อและบ่อพักให้สะอาดขึ้นด้วย
ผสม E.M. 1 ลิตรต่อน้ำสะอาด 5,000 – 10,000 ลิตร โดยประมาณ ให้สุกรกินทุกวัน เพื่อช่วยให้สุกรแข็งแรงและมีความต้านทานโรคและป้องกันกลิ่นเหม็นจากสุกรที่เกิดขึ้นใหม่ด้วย
ผสมสุโตจู 1 ลิตรกับน้ำสะอาด 100 ลิตร เทราดตามบ่อน้ำทิ้ง เพื่อกำจัดหนอนแมลงวัน จะช่วยลดจำนวนลงได้ภายใน 1 – 2 สัปดาห์
ผสมซุปเปอร์โบกาฉิ สำหรับอาหารสัตว์ ประมาณ 2 % กับอาหารที่ให้สุกรกินแต่ละวัน เพื่อเสริมสุขภาพของสุกร กรณีลูกสุกรที่มีอาการท้องเสียใช้ E.M.5 ซีซี หยอดเข้าทางปากจะช่วยได้
มูลสุกรที่ใช้ E.M.แล้ว สามารถนำไปใช้ทำปุ๋ยหมักต่าง ๆ หรือทำเป็นอาหารปลา กุ้ง กบ ได้ (ขึ้นอยู่กับการไปประยุกต์ใช้)
ข้อสังเกต
ฟาร์มที่ใช้ E.M. ส่วนมากจะไม่พบสุกรมีอาการท้องเสีย สามารถลดการใช้ยาเสียปฏิชีวนะต่างๆ ได้มีประสิทธิภาพในการขยายพันธุ์ดีขึ้นได้ แม่สุกรในบางฟาร์มให้ลูกถึง 14 – 16 ตัว โดยไม่มีตาย สุกรขุนที่ให้ E.M. จะให้เนื้อแดงมาก และสุกรมีน้ำหนักมากกว่าที่เคยได้
หมายเหตุ วัว ควาย และสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ ก็สามารถนำ E.M. ไปประยุกต์ได้เช่นเดียวกัน
การใช้สุโตจู อี.เอ็ม. 5 กับงานเลี้ยงสัตว์
ผสมสุโตจู 20 – 50 ซีซี กับน้ำสะอาด 1 ลิตร นำไปใช้ป้องกันหรือกำจัดไร เห็บ หมัด หรือแมลงที่มารบกวนสัตว์เลี้ยงได้ ดังนี้ฉีดพ่นบริเวณคอกสัตว์ (โรงเรือนโค คอกหมู เล้าไก่) ให้ทั่วสัปดาห์ละ 1 – 2 ครั้ง หลังอาบน้ำให้สัตว์เลี้ยงทุกครั้งควรใช้สุโตจู ผสมน้ำลูบตัวสัตว์เลี้ยง
การทำซุปเปอร์โบกาฉิ อาหารสัตว์
วัสดุและส่วนผสม
1.เปลือกหอยป่น กระดองปูป่น กระดูกป่น แกลบเผา อย่างละ 0.2 กิโลกรัม
2.ปลาป่น กากถั่ว อย่างละ 6 กิโลกรัม
3.รำละเอียด 20 กิโลกรัม
4.ปุ๋ยชีวภาพ อี.เอ็ม. กากน้ำตาล 10 ซีซี
5.น้ำสะอาด 5 ลิตร
วิธีทำ
ผสมวัสดุที่ใช้ทั้งหมด เข้าด้วยกันจนเข้ากันดี ละลาย E.M. กากน้ำตาล , น้ำ, คนจนเข้ากันดี นำไปราดเป็นฝอยบนส่วนผสมแรกคลุกเคล้าให้เข้ากันดี และให้ความชื้นไม่เกิน 40% เอาบรรจุใส่กระสอบป่านผูกปากให้แน่น ใส่ลงไปถุงพลาสติก ดำทึบแสงขนาดใหญ่อีกชั้นหนึ่ง มัดปากถุงให้แน่น อย่าให้อากาศเข้าหมักไว้ 3 วัน ความร้อนจะอยู่ระหว่าง 35 – 40 เซลเซียส เมื่อหมักครบ 3 วัน เอากระสอบออกจากถุงพลาสติกดำทึบแสง ตั้งทิ้งไว้ในร่มอีก 3 วัน อุณหภูมิจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และจะเย็นลงโดยพยายามกลับกระสอบทุกวันเพื่อป้องกันไม่ให้ความชื้นในกระสอบไปกองอยู่ด้านใดด้านหนึ่ง จะทำให้จับกันเป็นก้อนได้
ข้อสังเกต
เมื่อหมักได้ที่แล้ว จะมีกลิ่นหอมกว่าโบกาฉิอื่น ๆ
วิธีใช้
ใช้ผสมกับอาหารสัตว์ เช่น หมู ไก่ กบ ฯลฯ ในอัตรา 2% ของอาหารที่ให้แต่ละครั้ง จะทำให้สัตว์มีสุขภาพแข็งแรงให้ผลผลิตสูงนำไปละลายน้ำในอัตราส่วน 1 – 2 กิโลกรัม/น้ำสะอาด 100 ลิตร ทำให้เป็นปุ๋ยน้ำหมักทิ้งไว้ 12 – 24 ชั่วโมง ก่อนนไปรดพืชผักต่าง ๆ โดยเฉพาะพืชผักที่ปลูกใหม่ ๆ จะทำให้ผักฟื้นตัวและโตเร็ว ใช้หว่านลงไปในบริเวณสระน้ำ เพื่อช่วยปรับสภาพน้ำที่เน่าเสีย
การทำซุปเปอร์โบกาฉิ สูตร 2
วัสดุ
1.รำละเอียด 3 ส่วน ปลาป่น กากถั่ว อย่างละ 1 ส่วน
2.E.M.กาก น้ำ (1 : 1 : 50)
วิธีทำ
ผสมวัสดุทุกอย่างเข้าด้วยกัน ให้ได้ความชื้น 40% แล้วหมักตามขั้นตอนสูตร 1
วิธีใช้
เช่นเดียวกับสูตร 1
การใช้จุลินทรีย์ในการประมง
ใช้ E.M. ที่ขยายแล้วใส่ในบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำ 1/10,000 หรือ 1 ลิตร /10 คิวปิกเมตร ของน้ำใส่บ่อทุก ๆ 7 – 10 วัน แล้วแต่สภาพของน้ำและอัตราความหนาแน่นของสัตว์ที่เลี้ยง
ผสมอาหารให้กินโดยใช้ EM ผสมในน้ำอัตรา 1 : 50 หรือ 100 ส่วนคลุกกับอาหารหรือแช่ไว้ก่อน ให้กินก็ได้ในฟาร์มเลี้ยงกบ บางฟาร์มหลังจากใช้ EM ลงในบ่อเลี้ยงกบครั้งแรก แล้วไม่ต้องใส่อีกเพราะน้ำในบ่อจะได้ EM ควรใช้ EM อย่างเจือจางก่อน
การใช้ EM ด้วยวิธีการดังกล่าวจะช่วยให้น้ำไม่เสียไม่จำเป็นต้องถ่ายน้ำบ่อย ๆ หรือไม่ต้องถ่ายน้ำเลยจนกว่าจะจับสัตว์ขายช่วนให้สัตว์มี สุขภาพแข็งแรง ไม่เป็นโรคสัตว์ โตเร็ว อัตราตายต่ำ
การใช้ปุ๋ยชีวภาพ อี.เอ็ม. ในการประมง (ปลา, กุ้ง)
ใช้ อี.เอ็ม. ที่ขยายแล้วใส่ในบ่อเลี้ยงสัตว์ในอัตรา 1: 10,000 หรือ อี.เอ็ม 1 ลิตร ต่อน้ำ 10 คิวบิกเมตรของน้ำ ใส่บ่อทุก ๆ 7 – 10 วัน แล้วแต่สภาพของน้ำ และอัตราความหนาแน่นของสัตว์เลี้ยงผสมอาหารให้กิน โดยใช้ปุ๋ยชีวภาพ อี.เอ็ม ผสมน้ำในอัตราส่วน 1 : 50 – 100 ส่วน คลุกกับอาหารหรือแช่ไว้ก่อนให้กินก็ได้ แล้วแต่ชนิดของสัตว์เลี้ยงในฟาร์มเลี้ยงกบบางฟาร์ม หลังจากใส่ปุ๋ยชีวภาพ อี.เอ็ม ลงในบ่อเลี้ยงกบครั้งแรกแล้ว ไม่ต้องใส่อีก เพราะน้ำในบ่อจะได้ อี.เอ็ม เพิ่มทุกวันจากอาหารที่แช่ปุ๋ยชีวภาพ อี.เอ็ม และควรใช้อย่างเจือจางก่อนการใช้ปุ๋ยชีวภาพ อี.เอ็ม ด้วยวิธีการดังกล่าว จะช่วนให้น้ำไม่เหลือง ไม่จำเป็นต้องถ่ายน้ำบ่อย ๆ หรือไม่ต้องถ่ายน้ำเลยจนกว่าจะจับสัตว์ขายช่วยให้สัตว์มีสุขภาพดีแข็งแรงไม่เป็นสัตว์โตเร็ว และอัตราการตายต่ำ
การทำอาหารสำหรับเลี้ยงปลา
1.เศษอาหาร 50 ส่วน รำละเอียด 20 ส่วน โบกาฉิมูลสัตว์ 1 ส่วน
2.ปุ๋ยชีวภาพ อี.เอ็ม : กากน้ำตาล : น้ำ 1 : 1 : 50
วิธีทำ
ผสมเศษอาหาร รำละเอียด และโบกาฉิ เข้าด้วยกัน แล้วคลุกด้วยน้ำ ผสมปุ๋ยชีวภาพ อี.เอ็ม หมักทิ้งไไว้ 1 – 2 ชั่วโมง
วิธีใช้
นำอาหารปลาที่หมักไว้แล้ว ไปหว่านในบ่อเลี้ยงปลาหรือวางบนตะแกรงหย่อนลงไปให้ปลากิน
การขยายจุลินทรีย์ แก้ปัญหาส้วมเต็ม
ใช้ปุ๋ยชีวภาพ อี.เอ็ม ขยาย (อี.เอ็ม กากน้ำตาล 1/100 ลิตร) หมักไว้ 3 วัน นำมาเทใส่ส้วมชักโครก (เทใส่โดยไม่ต้องผสมน้ำ) ประมาณ 5 –10 ลิตร เดือนละ 1 ครั้ง อี.เอ็ม จะไปย่อยสลายสิ่งปฏิกูลต่าง ๆ ในถังพัก กากที่เหลือจะตกตะกอนและน้ำในถังพักจะดูดซึมลงไปได้มากถ้าส้วมไม่เต็มและไม่เหม็น การขยายจุลินทรีย์ บำบัดกลิ่นเหม็นและกำจัดแมลงวันจากกองขยะ ขยะที่ได้จากครัวเรือน ร้านอาหาร และโรงแรมส่วนใหญ่จะเป็นขยะเปียก พวกเศษอาหาร ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นและแหล่งเพาะพันธุ์แมลงวัน จุลินทรีย์จะสามารถบำบัดกลิ่นเหม็น กำจัดแมลงวันได้โดยการตัดวงจรชีวิตของแมลง และ อี.เอ็ม สามารถทำการย่อยสลายเศษอาหารได้ และเป็นปุ๋นแก่พืชผักและผลไม้ต่าง ๆ ได้อีกด้วย
ใช้ปุ๋ยชีวภาพ อี.เอ็ม ที่ขยายแล้วผสมน้ำในอัตราส่วน 1 : 1,000 ฉีดพ่นบริเวณกองขยะ หรือพ่นให้คลุกเคล้ากับขยะที่จะนำไปทิ้ง หรือนำไปฉีดพ่นขยะบนรถขยะของเทศบาล แล้วจึงนำไปทิ้งในที่ทิ้งขยะ อี.เอ็ม ก็จะทำงานทำให้ขยะไม่มีกลิ่นเหม็นและไม่มีแมลงวัน หลังจากขยะฉีดด้วยอี.เอ็ม แล้วนำไปฝังกลบก็จะยิ่งเป็นผลดี
การใช้จุลินทรีย์ในครัวเรือน
ก่อนปรุงอาหาร หรือก่อนรับประทานพืชผัก ผลไม้ (ประเภทรับประทานทิ้งเปลือก) หรืออาหารสดต่าง ๆ โดยเฉพาะอาหารสดจากทะเล (กุ้ง ปู ปลาหมึกสด) ที่ซื้อมาจากตลาด แต่ไม่แนใจว่าปลอดสารพิษหรือไม่ ควรนำมาล้างน้ำให้สะอาด แล้วแช่น้ำในจุลินทรีย์ ที่ผสมน้ำในอัตราส่วน 1 : 100 –200 แช่ไว้ประมาณ 0 – 1 ชม. จะทำให้สารเคมีที่ปนเปื้อนหรือตกค้างอยู่ ในพืชผักหรืออาหารสดนั้น ถูกปุ๋ยชีวภาพ อี.เอ็ม ย่อยสลายหรือชำระล้างออกไปได้เป็นอย่างมาก
การใช้จุลินทรีย์บำบัดน้ำเสีย
น้ำที่เกิดจากชุมชน ใช้จุลินทรีย์ที่ขยายแล้ว นำไปราดตามท่อระบายน้ำลงในถังชำระล้างต่าง ๆ เพื่อแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ เพื่อให้น้ำผสมจุลินทรีย์ทำการบำบัด และไหลลงไปรวมในบ่อบำบัดและไหลลงไปรวมในบ่อบำบัดน้ำต่อไป
น้ำเสียจากโรงพยาบาล โรงแรม และโรงงานอุตสาหกรรม ชุมชนต่างๆ ใช้จุลินทรีย์ที่ขยายกับระบบบำบัดน้ำเสีย ที่มีอยู่เดิม (ด้วยวิธีใช้เครื่องตีน้ำ เพื่อให้อากาศแก่แบคทีเรียที่ต้องการอากาศทำงาน) EM เป็นจุลินทรีย์ที่ไม่ต้องการอากาศในการทำงานจึงสามารถบำบัดน้ำเสีย โดยการย่อยสลายอินทรีย์วัตถุ ในน้ำเสียให้สะอาดา ไม่ต้องใช้เครื่องตีน้ำเป็นการลดต้นทุนค่าไฟฟ้า และสามารถบำบัดน้ำเสียได้ดีมีประสิทธิภาพกว่าและย่อยสลายตะกอนที่เป็นอินทรีย์วัตถุจนหมดได้สามารถนำน้ำที่ผ่านการบำบัดขั้นสุดท้ายแล้วไปใช้ในกิจกรรมต่าง ๆ ได้อีกด้วย
การประยุกต์ใช้ปุ๋ยชีวภาพ อี.เอ็ม ในนาข้าว
ต่อพื้นที่ 1 ไร่ ใส่โปกาฉิประมาณ 200 กิโลกรัม โดยแบ่งใส่เป็นระยะดังนี้ ไถพรวน
– หว่าน โปกาฉิ 100 กิโลกรัมให้ทั่ว
– ผสมปุ๋ยชีวภาพ อี.เอ็ม 400 ซีซี ผสมน้ำ 200 ลิตร ฉีดพ่นให้ทั่วพื้นที่แล้วไถพรวนทั่วทิ้งไว้ 15 วัน เพื่อให้ อี.เอ็ม ย่อยสลายวัชพืชและฟางข้าว ให้ปุ๋ยธรรมชาติและเร่งการงอกของเมล็ดหญ้า
– 15 วัน หลังไถแล้ว ผสมปุ๋ยชีวภาพ อี.เอ็ม และกากน้ำตาลอย่างละ 400 ซีซี กับน้ำ 200 ลิตร ฉีดพ่นให้ทั่ว และไถกลบเพื่อทำ ลายหญ้าให้กลายเป็นปุ๋ยพืชสด ทิ้งไว้อีก 15 วัน จึงไถ และคราดเพื่อดำเนินดำนาต่อไป
– ไถคราด
– พ่นปุ๋ยชีวภาพ อี.เอ็ม อัตราส่วนเดิมอีกครั้ง
– ไถคราดให้ทั่ว เพื่อเตรียมปักดำ
– หลักปักดำ 7 –15 วัน
– หว่านโบกาฉิให้ทั่วแปลง 30 กิโลกรัม/ไร่
– พ่นตามด้วย EM กากน้ำตาล อย่างละ 200 ซีซี ผสมน้ำ 200 ลิตร
– ข้าวอายุ 1 เดือน หว่านโบกาฉิ 30 กิโลกรัม
– พ่นด้วย EM กากน้ำตาลอย่างละ 200 ซีซี ผสมน้ำ 200 ลิตร
– ก่อนข้าวตั้งท้องเล็กน้อย หว่านโบกาฉิ 40 กิโลกรัม
– พ่นด้วย EM กากน้ำตาลอย่างละ 200 ลิตร ผสมน้ำ 200 ลิตร
หมายเหตุ
เฉลี่ยพื้นที่ 1 ไร่ ใช้ปุ๋ยโบกาฉิ 200 กิโลกรัม
ในปีแรกที่ใช้โบกาฉิกับนาข้าว อาจต้องใช้ปริมาณมาก แต่เมื่อดินดีปีต่อไปจึงค่อย ๆ ลดปริมาณการใช้ลง เพื่อป้องกันเพลี้ยระบาดโรคแมลงศัตรูพืชต่าง ๆ รบกวนควรฉีดพ่นด้วยสุโตจู (สารขับไล่แมลง) ทุก ๆ 15 วัน ในอัตราส่วนสุโตจู 400 ซีซี กากน้ำตาล 400 ซีซี และน้ำ 200 ลิตร
การปลูกโดยไม่ต้องไถพรวน การไถพรวนเมื่อต้องการให้ดินที่แข็งตัวร่อนขึ้นอุ้มน้ำและอากาศผ่านได้ การใช้ EM จะช่วยให้ดินไม่จับตัวกันแข็ง แต่จะร่วนซุยอุ้มน้ำได้ และอากาศผ่านได้ จึงไม่จำเป็นต้องไถพรวนอีกต่อไป เกษตรกรที่ใช้ EM มา 3 ปี และเลิกการไถไปแล้วสามารถเพิ่มผลผลิตได้มากขึ้นทุกปีด้วย
การใช้ปุ๋ยชีวภาพ อี.เอ็ม กับการป่าไม้
การปลูกป่าสร้างสวนป่า มักทำการปลูกกันในพื้นที่ดินแหล่งเสื่อมโทรม ดินปุ๋ยธรรมชาติ มีการพังทลายของดินสูง ต้นไม้ที่ปลูกมักมีปัญหาการเจริญเติบโตไม่มีเท่าที่ควร จึงมีการเสริมอินทรีย์วัตถุให้แก่ต้นไม้ และเพิ่มงบประมาณจุลินทรีย์ในดินให้มีการสร้างกิจกรรมในดินให้เกิดความอุดมสมบูรณ์มากขึ้นการแช่เมล็ดพันธุ์ไม้ก่อนเพาะ (เช่น เมล็ดไม้สัก, ไม้มะค่าโมง ฯลฯ) ควรแช่เมล็ดในน้ำร้อน (60 – 70 C) นานประมาร 10 – 20 นาที แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด 2 – 3 ครั้ง นำเมล็ดไปแช่ในปุ๋ยชีวภาพ อี.เอ็ม ผสมน้ำสะอาด อัตราส่วน 1 : 2,000 นานอย่างน้อย 0.5 – 1 ชั่วโมง ถ้าเมล็ดมีเปลือกหนาควรแช่ไว้นาน 3 – 7 วัน การเพาะต้นกล้าในแปลงเพาะชำ เพราะเมล็ดพันธุ์ไม้ในถุงดำที่มีดินหมักปุ๋ยชีวภาพ อี.เอ็ม ไว้ โดยผสมปุ๋ยหมักดิน + ดินร่วน + แกลบสุก + แกลบดิบ (1 : 1 : 1) เข้าด้วยกันและระหว่างการเพาะชำกล้าไม้ต้องใช้น้ำ อี.เอ็ม (1 : 1,000) รดอาทิตย์ละ 1 – 2 ครั้ง
การใช้ E.M. กับต้นไม้สวนป่า
ใช้ปุ๋ยหมุกโบกาฉิ ฟาง มูลสัตว์ หรือปุ๋ยหมักหญ้า 24 ชั่วโมง โรยเสริมบริเวณพุ่มของต้นไม้ หลังปลูกที่มีอายุ 0 – 3 ปี ใช้อัตราส่วน 2 – 3 กำมือต่อต้น แล้วคลุกด้วยหญ้า/พุ่มแห้ง รดด้วยน้ำปุ๋ยชีวภาพ อี.เอ็ม (1 : 1,000) ให้ชุ่ม เดือนละครั้ง โดยเฉพาะในช่วงนอกฤดูฝน จะช่วยให้ต้นไม้ที่ ปลูกสร้างเป็นสวนป่า มีความแข็งแรง มีใบเขียว ชูช่อแตกดอกออกใบออกผลอย่างสมบูรณ์ เมื่อต้นไม้แข็งแรงดีย่อมมีความต้านทานการทำลายของโรคและแมลงได้ดีถ้ามีโรคหรือแมลงรบกวนต้นไม้ ในสวนป่าให้ใช้ สุโตจู (EMS) สูตรทั่วไปหรือซูปเปอร์สุโตจูฉีดพ่นตอนเช้าหรือตอนเย็น จะช่วยป้องกันแมลงพวกเพลี้ย ไร และแมลงมีปีกได้
เมื่อปลูกต้นไม้ได้อายุ 3 ปีขึ้นไป การใช้ปุ๋ยชีวภาพ อี.เอ็ม หรือปุ๋ยหมัก อี.เอ็ม มีความจำเป็นน้อยลง หรือไม่ต้องใช้เลยก็ได้ เพราะกระบานการทางธรรมชาติจะทำให้ดินในสวนป่าในสวนอุดมสมบูรณ์ขึ้นอยู่แล้ว